ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการอื่นๆ หรือพนักงานองค์กรของรัฐ |
- บัตรประจำตัวข้าราชการหรือพนักงาน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
- ทะเบียนบ้าน(ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชารับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติ และเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาตที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
- ผู้ออกหนังสือรับรองต้องเป็น ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไป
- ข้าราชการตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกอง หรือเทียบเท่าขึ้นไปไม่ต้องมีหนังสือรับรอง
- หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
|
ข้าราชการทหารหรือตำรวจ |
- บัตรประจำตัวข้าราชการหรือพนักงาน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
- ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- หนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชารับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน ความประพฤติและเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาต ที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
- ผู้ที่ออกหนังสือต้องเป็นผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดที่มียศตั้งแต่พันเอกหรือพันตำรวจเอกขึ้นไป
- ผู้มียศตั้งแต่พันเอกหรือพันตำรวจเอกขึ้นไปไม่ต้องมีหนังสือรับรอง
- หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
|
ประชาชนทั่วไป หรือผู้ประกอบอาชีพอื่น |
- บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- หลักฐานการประกอบอาชีพ อาทิเช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือร้าน หากเป็นลูกจ้างหรือรับจ้างต้องมีหนังสือรับรองตำแหน่งหน้าที่ เงินเดือน จากผู้ที่มีอำนาจจัดการของกิจการนั้น หรือเจ้าของแล้วแต่กรณี หากมิได้มีอาชีพรับจ้างต้องมีเอกสารประกอบตามที่อ้างอิง อาทิเช่น ทำสวน ทำไร \ติดต่อค้าขายที่ หรือค้าขายย่อย หรือเร่ขาย โดยไม่ได้จดทะเบียน ต้องนำหลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน เงินฝากธนาคาร (Statement) หรือหลักฐานอื่นเพื่อประกอบการพิจารณา
- หนังสือรับรองความประพฤติและเหตุผลความจำเป็นที่ขออนุญาตจากข้าราชการระดับ 6 ขึ้นไป หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป
- พิมพ์ลายนิ้วมือตรวจสอบประวัติ และสืบสวนความประพฤติ
- หากขออนุญาตเพื่อการกีฬาจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณา
- หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
|
การขออนุญาตซื้ออาวุธปืนจากบุคคล |
- หลักฐานเอกสารเช่นเดียวกับการขออนุญาตซื้อปืนและเครื่องกระสุน
- สำเนาบัตรประจำตัวและทะเบียนบ้านของผู้โอน พร้อมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (ป.4) ฉบับจริงของอาวุธปืนที่จะโอน
- ผู้โอน(เจ้าของเดิมกับผู้ขอรับโอน) ต้องบันทึกการยินยอมการโอนต่อหน้านายทะเบียนไว้ในหลังใบ อนุญาต(ป.4) ว่าโอนปืนกระบอกนี้ ให้ใคร มีค่าตอบแทนเท่าใด หรือโอนไม่คิดค่าตอบแทน เนื่องจากอะไร แล้วลงนามไว้เป็นหลักฐานพร้อมผู้รับโอนลงนามไว้ด้วย
- หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
- หากขออนุญาตเพื่อการกีฬาจะต้องนำหลักฐานการเป็นสมาชิกสนามยิงปืนมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 วัน มาประกอบการพิจารณา
- นำอาวุธปืนที่ขอรับโอนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่ยื่นคำร้อง
|
การขอรับโอนอาวุธปืนมรดก (เจ้าของปืนตาย) |
- ผู้ที่มีอาวุธปืนหรือใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน(ป.4) อยู่ในครอบครองต้องแจ้งการตายต่อนายทะเบียนท้องที่ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ตายพร้อมนำใบอนุญาต(ป.4) และอาวุธปืนมอบให้นายทะเบียนด้วย
- ใบมรณบัตร พร้อมสำเนา
- สำเนาคำสั่งศาลกรณีศาลแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
- ถ้ามีผู้จัดการมรดกเสนอได้เลย
- ถ้าไม่มีผู้จักการมรดก ต้องสอบทายาททั้งหมด ว่ายินยอมสละปืนแล้วเสนอนายทะเบียนฯ
- ผู้ขอรับโอนปืนมรดกนำหลักฐานเอกสารประกอบคำร้องเช่นเดียวกับการขอรับโอนอาวุธปืนจากบุคคลมายื่นต่อนายทะเบียนท้องที่พร้อมเอกสารข้างต้น
- หลักฐานแสดงว่าผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน
- นำอาวุธปืนที่ขอรับโอนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันที่ยื่นคำร้อง
|
การแจ้งการย้ายอาวุธปืน |
- ต้องยื่นคำร้องขอย้ายอาวุธปืนต่อนายทะเบียนท้องที่เดิม และนายทะเบียนท้องที่ซึ่งย้ายไปอยู่ใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันย้ายออกไปและวันที่ไปถึง
- ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- บัตรประจำตัว (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- นำอาวุธปืนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
- ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการออกใบแทนหรือคัดสำเนาใบอนุญาตอาวุธปืน
- ทะเบียนบ้าน (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- บัตรประจำตัว (ฉบับจริง พร้อมสำเนา)
- กรณีใบอนุญาตสูญหาย แจ้งความสถานีตำรวจท้องที่ที่ใบอนุญาตหาย แล้วนำใบแจ้งความพร้อมคัดสำเนาประจำวันด้วย
- นำอาวุธปืนไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
|